---
“ ผมรักพี่ ”
“ ... ”
“ พี่จงอิน ... ผมรักพี่ ”
และเพราะทุกอย่างข้างต้นล้วนไม่มีเหตุผล
การที่คนอย่างคิมจงอินจะตัดสินใจอย่างคนหุนหันพลันแล่นย่อมไม่แปลก เขาหันหลังกลับ
ใช้ฝ่ามือทั้งสองประคองแก้ม
ก่อนจะแง้มกลีบปากที่เขาถวิลหาด้วยอวัยวะชนิดเดียวกันของตนเองด้วยความกระหาย
ทุกการสอดแทรกของเกลียวลิ้นล้วนเต็มไปด้วยความละอาย
ทว่าสิ่งใดจะหยุดอารมณ์ในเวลานี้ได้ เมื่อความจริงประจักษ์ให้เห็นว่าชายหนุ่มไม่ใช่คนเดียวที่ฝันไปว่ารักนี้ยังคงมีตัวตนอยู่
เขาตระหนักรู้ผิดชอบชั่วดีอยู่ทุกลมหายใจ
มีสติสัมปชัญญะนึกได้ว่าตนกำลังทำสิ่งใดที่นำไปสู่เรื่องหายนะในอนาคต แต่ครั้นพอจะผละกายออกเพื่อจบเรื่องบ้าๆ
คยองซูก็ยกแขนทั้งสองขึ้นมาคล้องคอเขาเอาไว้ พร้อมทั้งเหนี่ยวรั้งเรียกร้องให้มอบสัมผัสที่ลึกล้ำราวกับคนกระหายน้ำ
สุดท้ายเลยกลายเป็นการสาดน้ำมันใส่กองไฟเสียอย่างนั้น
จงอินไม่ได้อุ้มคยองซูเข้าไปในห้องนอน
ไม่ได้พาน้องไปนั่งที่โซฟา
เขาทำเพียงแค่ดันร่างเล็กให้เอนกายนอนลงตรงกลางห้องโถงซึ่งมีพื้นพรมทำหน้าที่ต่างฟูกนอนของเตียงหลังใหญ่
และร่างเล็กเองก็ไม่ได้ขัดขืนหรือแสดงท่าไม่พอใจอะไร
เขาจึงสานต่อกิจกรรมของตัวเองต่อไปเรื่อยๆ
ริมฝีปากรูปหัวใจของอีกฝ่ายเปรียบดั่งบ่อน้ำเมรัย
จิบดื่มเล็กน้อยหวังให้ชื่นใจแต่ก็กลายเป็นตัวเองที่หยุดไม่ได้ เขาเริ่มลุ่มหลง
ไม่สนและใส่ใจ ว่าตัวเองกำลังทำลายครอบครัวของคนอื่นอย่างเลือดเย็น
ผู้หญิงคนนั้นเป็นแค่แม่ของลูกคยองซูเท่านั้น...
มันกำลังเป็นไปตามตำนานของอดัมกับอีฟ
มนุษย์คู่แรกของโลกที่อาศัยอยู่ในสวนอีเดนของพระเจ้า รู้ทั้งรู้ว่าแอปเปิ้ลกลางสวนต้องห้ามแต่ก็ต้องการเพราะคำยุยงส่งเสริมของซาตานในร่างงู
สุดท้ายทั้งคู่จึงถูกเนรเทศออกไปเผชิญโลกกว้างใหญ่ภายนอก
โดยทิ้งมรดกเป็นบาปเอาไว้ให้ติดตัวมนุษย์คนต่อไปไม่จบสิ้น
จงอินค่อยๆ ปลดกระดุมเม็ดน้อยที่ถูกกลัดติดอย่างเรียบร้อยออกจากรังดุม
เขาเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้
ครั้นพอผละออกมาหวังจะประสานสายตากับอีกฝ่ายก็แทบขาดใจตายเสียอย่างนั้น - คยองซูในสภาพหอบเหนื่อยนอนกึ่งโป๊กึ่งเปลือยพร้อมใบหน้าแดงก่ำ ทั้งเรือนผมสั้นสีดำก็กำลังชื้นเหงื่อ
และเมื่อสาบเสื้อทั้งสองแยกออกจากกันแล้ว แววตาของชายหนุ่มก็เปลี่ยนไป
คล้ายกับกลายเป็นอีกคน
เขาเห็นคยองซูเปลือยเปล่าครั้งแรกและครั้งสุดท้ายนั่นก็เจ็ดปีมาแล้ว
แถมตอนนั้นแก้วตาดวงใจยังเป็นวัยรุ่น เนื้อหนังมังสาย่อมน้อยตามปกติธรรมดา ทว่าเมื่อวันเวลาผ่านไป
ร่างเล็กก็เติบโตเป็นผู้ใหญ่วัยเจริญพันธุ์ เพียบพร้อมราวกับดอกไม้งามยามบานสะพรั่งอวดสายตาผู้มาพบเห็น - ผิวเนื้อสีน้ำนมตัดกับยอดอกสีชมพูด้านบนล่อตาล่อใจให้เข้าไปสัมผัส
ชายหนุ่มโน้มตัวลงต่ำเพื่อใช้ซี่ฟันขบกัดให้หายหมั่นเขี้ยว
พลางกวาดมือลัดเลาะเลี้ยวไปตามทรวดทรงองค์เอวของอีกฝ่าย
เพราะทุกถิ่นที่จงอินเยือนย่ำเขาจะฝากฝังความรุ่มร้อนเอาไว้
ตอนนี้คยองซูจึงควบคุมตนเองไม่ได้เหมือนปกติ ร่างเล็กพยายามทึ้ง ดึงเสื้อเชิ้ตเนื้อดีอย่างเอาเป็นเอาตาย
สถานะของเราทั้งคู่จะได้เท่าเทียมกัน , กึ่งเปลือยเป็นนิยามเดียวที่เราจะให้กับคยองซูได้ในตอนนี้
ด้านบนเองหลุดลุ่ยแทบไม่เหลือชิ้นดีใดๆ โชคยังช่วยที่พี่เขาเหลือกางเกงติดเอวเอาไว้ให้กันอุจาด
ผละออกมามองลึกเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย
และถ่ายทอดทุกความรู้สึกเพื่อตอกย้ำว่าเขาจริงจังแค่ไหนกับความสัมพันธ์อันยุ่งเหยิงในครั้งนี้...
ปิดเปลือกตาพร้อมเคลื่อนใบหน้าลงต่ำจนริมฝีปากทั้งสองสัมผัสกันแนบสนิท
พวกเขาใกล้ชิดราวกับจำลองชีวิตในวันก่อนๆ เหมือนในตอนที่ชีวิตรักกำลังลุ่มๆ ดอนๆ
มือของพี่จะคอยประคองให้เราทั้งสองผ่านปัญหานี้ไปได้อย่างราบรื่น และนั่นเป็นเครื่องยืนยันอย่างดีว่าจงอินหามิได้ต้องการเสพสมแต่เพียงร่างกายของคยองซูเท่านั้น
เมื่อได้รับความมั่นใจที่ต้องการแล้ว
คยองซูก็ตอบแทนอีกฝ่ายโดยการกระชับบีบมือใหญ่เบาๆ ซึ่งนั่นเท่ากับคำว่าตกลง
ร่างสูงวาดยิ้มบางเบา ก่อนจะค่อยๆ เคลื่อนกายลงต่ำ
ทั้งยังพรมจุมพิตประปรายตามรายทางเพื่อเพิ่มพูนความเร่าร้อน
เขากดปลายลิ้นหยอกล้อบนเม็ดปทุมถัน เวียนวน
รวมถึงดุนดันมันจนแนวขนของร่างเล็กตั้งชันด้วยความกระสัน
ถัดไปเป็นหน้าท้องแบนราบซึ่งมีเนื้อน้อยๆ ที่จงอินอยากจะลงฟันขบ กัด
ฟัดให้หายหมั่นเขี้ยวเสียให้ตายไปข้างหนึ่ง
คยองซูหลุดปากครางเบาๆ
เมื่อใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนเข้าใกล้เป้ากางเกง
ร่างเล็กบิดตัวเกร็งยามอีกฝ่ายสะกิดเม็ดกระดุมให้หลุดออก และในที่สุด , เขาก็ไม่เหลือกางเกงชั้นนอกไว้ป้องกันตัว
จงอินแสดงออกอย่างเปิดเผยว่าต้องการน้องมากถึงเพียงใด
ทั้งสายตา การกระทำ รวมถึงองค์ประกอบอีกหลายต่อหลายอย่าง
ร่างสูงใช้ปากลากชิ้นผ้าผืนบางให้ร่นลงด้านล่าง
ก่อนสมทบด้วยปลายลิ้นที่ลัดเลาะตามส่วนความเป็นชายกลางลำตัว
เขากดยิ้มด้วยความเอ็นดูเมื่อคยองซูเขินอายประหนึ่งเด็กไม่รู้ประสา
ใบหน้าน่ารักฉาบสีชาดทันทีที่ชายหนุ่มแกล้งปาดนิ้วปัดผ่านส่วนหัว
ในตอนนั้นเองที่ความหวาดกลัวเข้าครอบงำคนอายุน้อยกว่าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แม้พี่เขาจะตั้งใจทำทุกอย่างด้วยความประณีตแล้วก็ตาม
แต่ทุกอย่างก็พังลงเมื่อจงอินกลืนกินตัวตนของคยองซูเข้าไป
มือน้อยคว้าตะปบช่วงไหล่หนาหาที่พึ่งพิงเมื่อความรู้สึกดีพุ่งเข้าใส่อย่างจัง
เกลียวลิ้นร้อนชอนไช โอบอุ้มด้วยความเต็มใจ ไม่รังเกียจเดียดฉันท์
จนถึงตอนนี้ร่างเล็กนั้นไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ความเหนียมอายจึงจางหายไปและเหลือทิ้งไว้แต่สัญชาตญาณดิบ
คยองซูเปิดปากร้องครางอย่างไม่อายใคร
ยามที่พี่เขาไล่ลิ้นไปตามรอยแยกเขาก็แทบอยากจะกัดลิ้นตัวเองตาย
นึกอยู่ในใจว่าพี่เขาร้ายเสียยิ่งกว่าเสือเสียอีก
ถ้ารอดจากตรงนี้ไปได้เมื่อไรจะหยิกให้เนื้อเขียว ทว่าเหมือนจงอินจะรู้ดีว่าน้องคิดอะไร
จึงประเคนความเสียวกระสันให้คล้ายจะกลั่นแกล้ง
เขาเริ่มโรมรันรุนแรงจนช่วงเอวคอดของอีกฝ่ายยกลอยอยู่เหนือพื้น
“ อ๊า ! พ...พี่จงอิน ”
มีเพียงปากหรือจะสู้อีกสองมือที่คอยรูดรั้งช่วยเหลืออยู่เป็นนิจ
จนความรู้สึกดีพรากความรู้สึกผิดออกไปจากจิตใจของคยองซูได้ในที่สุด
พี่จงอินกำลังมีพันธะอยู่กับหญิงสาวแปลกหน้าอีกคนที่โรงพยาบาล
ซึ่งหมายความว่านี่มันไม่ต่างจากการที่เขาแอบเป็นชู้กับคนรักของชาวบ้าน , ราวกับหมุนนาฬิกาย้อนเวลากลับไปในตอนที่เรายังเด็ก
ตอนที่เรายังเล็กและไม่ประสาเรื่องความรัก ในตอนนั้นเองเขามิได้มอบความสุขให้พี่จงอินมากพอนัก
พอครานี้มีโอกาส
เขาก็ขอแสดงความรู้สึกที่ตนเองเก็บกักไว้ภายในให้พี่เขาประจักษ์เสียที
เมื่อตกลงกับตัวเองเช่นนั้นแล้ว
คยองซูจึงขยุ้มมือกับกลุ่มผมของอีกฝ่าย
เพื่อให้พี่เขารับเอาตัวตนเข้าไปได้มากยิ่งขึ้น และในตอนนั้นเองที่แสงสีขาวเริ่มแผ่กระจายไปทั่วความมืดมิด
ปลายเท้าเล็กทั้งจิกทั้งทึ้งพื้นพรมอย่างเอาเป็นเอาตาย ทว่าความใจร้ายของคิม จงอินก็ไม่หมดไปเสียที เขาหยุดทุกการกระทำพร้อมทั้งเหนี่ยวนำให้ความหวังของน้องหมดลงอย่างไปอย่างไม่ปรานี
ปัดป่ายไขว่คว้าใช้มือแทนตาควานหาพี่
แต่จู่ๆ บนหน้าผากก็มีสัมผัสอันอบอุ่นแนบลงมาเบาๆ
หนึ่งทีพร้อมกับคำอ้อนวอนขอให้มองหน้ากัน
ซึ่งกว่าร่างเล็กจะยอมทำก็เหนื่อยจงอินแทบแย่ ทั้งหอมตรงนู้นที จูบตรงนี้ที เอาสิ , ถ้าไม่ยอมแพ้เขาก็จะต้อนอย่างนี้ไปเรื่อยๆ นั่นแหละ
สุดท้ายแล้วคนอย่างคยองซูจะสู้อะไรกับคนด้านได้อายอด
ต้องยอมเปิดเปลือกตาเพราะพี่เขาเริ่มกดจูบลูบจับสะเปะสะปะ เลยยอมยกชัยชนะให้แบบกึ่งเต็มใจและไม่เต็มใจเท่าใดนัก
แต่เหมือนเพิ่งรู้ว่าตนตกหลุมพราง
จงอินสอดประสานสายตามองค้างสื่อความหมายลึกเข้าไปถึงในจิตใจ
เขาไม่รอช้าที่จะประทับรอยจูบอุ่นๆ ในตอนที่ทุกอย่างถูกถ่ายทอดให้น้องได้เห็น จนกระทั่งวันนั้นจนวันนี้ก็เจ็ดปีมาแล้วที่เขาเป็นเช่นนี้
เป็นพี่ชายที่แสนดีซึ่งบางครั้งก็มีมุมโมโหร้ายให้คยองซูหวาดผวาเล่นอยู่เรื่อย
“ ฮื่อ ! ”
จะไม่ให้รักได้ยังไงไหวถ้ายังโปรยความน่ารักใส่ไม่หยุดหย่อน
คยองซูครางฮือในลำคอพร้อมทั้งยกฝ่ามือขึ้นมาปิดหน้า ส่วนจงอินก็ยิ้มกว้างเหมือนคนบ้าเพราะน้องกำลังเขิน
“ เพิ่งมาเขินอะไรตอนนี้หืม ? คนเก่ง ”
เขากลั้วหัวเราะในลำคอพร้อมทั้งหยิบเอามือน้องขึ้นมาจูบ
เขาไล่นิ้วลูบไปตามผิวแก้มที่มีสีแดงเปล่งปลั่ง ทุกสัมผัสล้วนเป็นการกระซิบบอกให้น้องใจเย็นลง
ปลอบให้หายขลาดกลัวว่าเขาจะทำรุนแรง อีกทั้งยังแสดงว่าทุกอย่างยังเหมือนครั้งแรกและตลอดมา
“ เชื่อใจพี่นะ ”
เป็นคำชวนเชื่ออมตะที่ไม่ว่าใครก็ต้องพูดออกมาแต่ทว่าสุดท้ายมันก็ไม่น่าเชื่อ , ชายหนุ่มสะกิดเม็ดพลาสติกออกจากรังดุม จับหัวซิปรั้งรูดร่นลงจนสุด ก่อนจะดึงทั้งกางเกงชั้นนอกและชั้นในให้หลุดออกในคราเดียวกัน
เขาไม่ได้เร่งเร้ารีบร้อน หากทว่าค่อยๆ
กดนิ้วนวดช่องทางโดยรอบของน้องอย่างนุ่มนวลที่สุด แต่จู่ๆ ความคิดพิเรนทร์ก็ผุดขึ้นมาในสมอง...
จะเป็นอย่างไร
หากอวัยวะที่ทำหน้าที่กดอยู่รอบๆ นี่นุ่มกว่า ลื่นกว่า เปียกชื้นกว่า และร้อนกว่า
ไม่พูดพร่ำทำเพลงด้วยเกรงว่าความคิดจะดังเกินไป
เขาดันเรียวขาเล็กของน้องให้ยกขึ้นอยู่ในท่าทางที่เอื้ออำนวยให้เราทำอะไรต่อมิอะไรได้มากขึ้น
เขาตัดสินใจปาดลิ้นลงบนกล้ามเนื้อนุ่มหยุ่น ก่อนสอดแทรกก้านนิ้วเข้าไปสัมผัสความคุกรุ่นด้านในนั้น
แล้วทุกอย่างก็พังลงภายในชั่วพริบตา...
แค่นิ้วเดียวคยองซูก็เจ็บเสียจนอยากตายไปให้พ้นๆ
เสีย ไหนพี่เขายังกลั่นแกล้งโดยการโลมเลียช่องทางด้านหลัง วินาทีนี้คำปลอบประโลมใดก็ไม่อาจทำให้ตั้งใจฟังได้อีกแล้ว
“ ฮึก ! เจ็บ ”
น้ำหูน้ำตาไหลเพราะร่างกายปรับตัวไม่ทัน
ถึงจะโลมเลียกันก่อนหน้านี้มันก็ไม่มีผล เขาห่างเรื่องอย่างว่ามาตั้งเจ็ดปี อยู่ดีๆ
ให้มาอ้าขารับเลยนี่คงไม่ได้
ซึ่งดูเหมือนว่ากุมารแพทย์จงอินจะเข้าใจในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกดังกล่าว
จึงช่วยลบล้างความเจ็บปวดโดยการสาวรูดความเป็นชายขนาดกระทัดรัดของอีกฝ่าย มือหนึ่งช่วยดึงความสนใจ
ส่วนอีกมือหนึ่งนั้นไซร้ก็คอยตระเตรียมให้น้องพร้อมมากที่สุด
เมื่อรู้สึกได้ว่าร่างกายของอีกฝ่ายพร้อมรับ
ชายหนุ่มจึงจัดแจงให้น้องอยู่ในท่าที่ตนเองสามารถปฏิบัติกิจกามได้ถนัดถนี่ จงอินเคลื่อนตัวลงต่ำพร้อมๆ
กับปลดตะขอกางเกงด้านล่างเพื่อคลายพันธนาการที่ผนึกความต้องการของเขาเอาไว้
และตามด้วยกางเกงชั้นใน ซึ่งไม่จำเป็นต้องทำหน้าที่อีกต่อไปแล้ว
เรียวขาเล็กถูกยกให้ชันขึ้นช้าๆ
ก่อนหน้าขาของอีกฝ่ายจะเข้าใกล้ไปประกบแนบและแทรกกายเข้าไปไม่รอช้า คยองซูแทบกรีดร้องออกมาเมื่อแกนกายร้อนระอุสอดลึกเข้าภายในโพรงเนื้ออุ่น
ผิวผนังนุ่มตอบรับโดยการตอดรัดอย่างบ้าคลั่ง
แม้ทุกอย่างจะตั้งอยู่บนความใจเย็นของจงอินก็ตามที
เขายับยั้งความต้องการเอาไว้เพื่อไม่ให้น้องเจ็บ เขากักเก็บสัญชาติญาณดิบเอาไว้ไม่ให้เล็ดรอด
ชายหนุ่มสอดแขนเกี่ยวกอดรั้งร่างน้อยเอาไว้
ใช้ตัวเองเป็นที่รองรับกรงเล็บให้อีกฝ่ายกดจิกระบายได้โดยไม่ว่า
แม้เชื่องช้าแต่ทว่ากลับหนักแน่นทุกสัมผัส
จนในที่สุดเขาก็สามารถนำพาแกนกายอันร้อนระอุเข้าไปภายในโพรงเนื้ออุ่นได้สุดลำ คยองซูเผลอเพลี่ยงพล้ำด้วยตนคิดอีกฝ่ายคงไม่ฉวยโอกาสทำสิ่งใด
ทันทีที่ตั้งท่าจะสูดปรับลมหายใจ พี่จงอินก็ถือวิสาสะถอนกายออกไป และค่อยๆ ดันมันเข้ามาใหม่อย่างเชื่องช้า
ทุกรอยปูดของเส้นเลือด ทุกรอยหยัก ปลุกให้ประสาทสัมผัสทำงานได้อย่างร้ายกาจ
รู้ว่ามันเข้ามา
รู้ว่ามันออกไป รู้ว่ามันเถือกไถจนสุดความยาว...
เหวี่ยงฝ่ามือฟาดบนมัดกล้ามสีแทนหนึ่งที
โทษฐานทำอะไรไม่มีการบอกกล่าว เหมือนเรื่องราวจะไม่หยุดที่พระเอกแสร้งร้องโอดโอยออดอ้อนเช่นดั่งในมโนภาพของคนตัวเล็ก
นอกจากพี่จงอินจะไม่เจ็บแล้วยังไม่รู้สึกรู้สา จู่ๆ ก็ทำใจกล้าหน้าด้านยกเรียวขาของเขาขึ้นพาดบ่า
ก่อนโหมสะโพกใส่จนคนตาโตอดคิดไม่ได้ว่าอดอยากมากจากไหน
“ อึ๊! ... อ๊ะ ”
เพราะพี่จงอินไปทำงามหน้าส่งเสียงดังจนลั่นชั้น
คยองซูจึงไม่อาจวางใจได้ว่าพวกมนุษย์ลุงป้าจะหยุดสอดรู้สอดเห็น
อีกอย่างผนังคอนโดไม่ได้ทำมาเพื่อเก็บเสียง เขาจึงไม่อยากเสี่ยงเป็นขี้ปากชาวบ้าน
ใจอยากกรีดร้องสบถครางเพียงใดก็ได้แต่อดทนอดกลั้น มือน้อยหนึ่งข้างยกขึ้นมากางกันเป็นกำแพงปิดกั้นอีกหนึ่งชั้นอย่างแน่นหนา
ส่วนอีกข้างนั้นสาละวันกับการสร้างความแสบร้อนบนแผ่นหลังของร่างสูง
เจ้าของผิวสีแทนสบถคำหยาบคายออกมาจนแทบจำไม่ได้ว่าเขาคือหมอเด็กผู้แสนสุภาพคนนั้น
จงอินสาบานกับลมกับฟ้าว่าตนพยายามทะนุถนอมน้องอย่างสุดความสามารถแล้ว
ทว่าผิวแก้มแดงๆ
กับรอยช้ำที่ถูกแต่งแต้มจนเต็มเรือนกายชื้นเหงื่อกำลังผลักดันให้เขาแสดงพฤติกรรมอันก้าวร้าว
มือหนาประคองแกนเนื้อกระทัดรัดขึ้นมาเพื่อสาวรูด หวังฉุดให้คยองซูถึงจุดพร้อมกันกับเขา
คนทำก็นึกถึงแต่ประเด็นตรงนั้น
ทำไมไม่ยอมคิดว่าฝ่ายแบกรับจะคลั่งบ้าง ร่างน้อยบิดกายส่ายสะโพกโยกเอวรับ
พร้อมกับครางเพ้อเสี่ยงสั่นด้วยความกระสันกำลังกลืนกินพื้นที่ทุกตารางนิ้วในสมอง
“ ร้องให้พี่ฟัง...ดังกว่านี้ได้ไหมครับคนดี ”
ไม่ต้องสั่ง
ไม่ต้องขอ หากตัวเองจะโรมรันแทนการบังคับกันกลายๆ คยองซูแทบสำลักอากาศหายใจเพราะตัวเองปรับตัวไม่ทันอีกฝ่ายที่เหมือนมีหมาบ้าเข้าสิง
“ เบา ! อ๊า ! ... พี่จงอิน !
... เบาค...รับ ! ”
ตรรกะโง่ๆ
ของฝ่ายรุกทั่วไป คือเมื่อไรที่ฝ่ายรับร้องให้เบานั่นเท่ากับให้เพิ่มความแรงขึ้น...
,
และยังไม่ทันไร
จงอินก็เหวี่ยงให้คยองซูถึงเพดานสวรรค์จนได้
ธารน้ำอุ่นสีขุ่นหลั่งไหลออกมาจากความเป็นชายของคนตัวเล็ก
ซึ่งได้ความอนุเคราะห์จากคุณหมอจงอินช่วยรีดออกมาเป็นรางวัลความสำเร็จในครานี้ คยองซูหอบหนัก
ตั้งสติปรับลมหายใจและหวังจะพักให้หายเหนื่อย
เรือนกายสั่นหงกเพราะความเสียวกระสันยังคงไม่จางหาย
แต่ให้ตายเถิด...ทำไมพี่เขาต้องใช้สายตาแบบนี้มองคยองซูด้วย , เสร็จก็เสร็จไปแล้วยังจะด้านหน้าคามันไว้อีก
เดี๋ยวนะ...
ฟึ่บ !
ความคิดที่ว่าไวนั้นไซร้ยังไม่เฉียดใกล้ความเร็วการกระทำของพี่จงอิน
คยองซูสะดุ้งเฮือกดิ้นพล่านเพราะจู่ๆ ตนก็ถูกพลิกกลับมาอยู่ด้านบน ส่งผลให้แกนกายของอีกฝ่ายเดินทางเข้าไปได้จนส่วนปลายเสียดสีกับจุดอ่อนไหวภายในอย่างน่าหวาดเสียว
“ จะรีบไปไหนล่ะครับคนดี พี่ยังไม่เสร็จเลยนะ... ”
กรอกเสียงกระเส่ากระซิบชิดริมใบหู
จงอินพิงแผ่นหลังกับโซฟา จับกระชับเอวคนตรงหน้ายกขึ้นเชื่องช้าก่อนตนเองจะสวนสะโพกใส่
แค่ครั้งแรกก็ทำให้ร่างเล็กไม่เป็นตัวเองอีกต่อไปแล้ว
“ อึ๊ ! ”
ไม่แคล้วโดนกลั่นแกล้ง
โทษฐานทำตัวน่ารักเกินไปในสายตาพี่หมอ ใบหน้าหล่อเหลาซุกไซร้เก็บกลิ่นหอมบริเวณซอกคอเหมือนคนไม่รู้จักพอกับสิ่งใด
พร้อมทั้งฝากรอยเอาไว้จนเป็นแนวแดงเถือก ซึ่งในขณะเดียวกันนั้นเอง
เรือนกายส่วนล่างก็ยังคงทำงานสอดประสานกันได้
ราวกับพวกเขากำลังขับร้องเพลงในจังหวะเดียวกันอยู่
คยองซูรู้สึกถึงทุกการเคลื่อนไหว
ไม่ว่าจะเป็นการเข้า - ก็ลึกสุดใจ ส่วนออก - ก็วูบโหวงจนน่าใจหายเช่นกัน คนตัวเล็กทำได้แต่เพียงร้องครางพลางเกาะไหล่ของชายหนุ่มเอาไว้
หลับหูหลับตาไม่อยากรับรู้สิ่งใด เพียงเพราะแค่จินตนาการว่าอีกฝ่ายกำลังมองมาทางนี้อย่างไร
เขาก็แทบอยากให้ธรณีสูบไปเสีย
มันกำลังดำเนินไปในทางที่ดี
ทว่าจู่ๆ พี่เขาก็หยุดทุกการกระทำ ยกสองแขนขึ้นกอดอกแทนคำสั่งให้เขาเป็นผู้สานต่อ
" ขยับสิครับ คยองซู "
พูดจบคยองซูก็ประเคนฝ่ามือให้
ด้วยหมั่นไส้รอยยิ้มร้ายมุมปาก เรื่องพิเรนทร์ไม่เข้าท่านี่ไว้ใจคิม จงอินได้
“ ขยับบ้าขยับบออะไรเล่า... ” ออกแนวบ่นคนเดียวมากกว่าตั้งใจด่าคนด้านหน้าโดยตรง
“ นะครับ... นะ
พี่ขยับมาตั้งนานแล้วเราไม่เห็นใจพี่บ้างหรือ ”
แล้วใครสั่งให้ทำไม่ทราบ !
“ ... ”
คยองซูขบริมฝีปากล่างชั่งใจ
ขนาดอยู่เฉยๆ ยังแทบจะตายเวลาพี่เขากระแทกสวน แล้วจู่ๆ จะให้มาขยับจับจังหวะเอง
มันไม่ยากเกินไปสำหรับเขาที่ห่างเหินเรื่องนี้มานานหรือ
“ เราก็รู้ว่าพี่ยอมเราอยู่คนเดียว... ”
โอ้ย... อย่าทำแบบนี้ได้ไหมล่ะ !
“ พี่อยากให้เราควบคุมพี่บ้าง นะครับ... ”
บอกให้หยุดไง
!
“ ขยับนะคนดี... คิดเสียว่าพี่เป็นม้า มันไม่มีอะไรยากเลย
, แค่ขึ้น - และลงช้าๆ เท่านั้นเอง ”
มือหนายกสะโพกกลมกลึงให้ลอยขึ้นสูง
แล้วค่อยๆ ชักจูงให้น้องดำดิ่งสู่เบื้องล่าง โพรงเนื้ออ่อนโอบอุ้มแกนกายอุ่นร้อนเอาไว้
และรับมันเข้าไปช้าๆ
มันคงจะดีกว่าถ้าคำพูดถูกหยุดไว้เพียงแค่นั้น... เพราะสิ่งที่จงอินกำลังเปรยออกมากำลังทำให้คยองซูกระดากอายจนอยากกลั้นหายใจตายกันไปข้าง
!
“ ถ้าเราเลือกจะควบพี่ ... นอกจากไม่มีอาการปวดเอวแล้วยังเสียวดีอีกต่างหาก
”
จุดยิ้มร้ายข้างมุมปากพร้อมทั้งนำทางให้คยองซูเริ่มขยับได้โดยง่าย
น้องน้อยปิดหูปิดตาเนื่องจากไม่อยากเห็นว่าพี่เขาลามกถึงเพียงใดผ่านหน้าต่างของดวงใจนั่น
เรียวขาทั้งสองข้างสั่นเมื่อการกระทบกระทั่งลึกล้ำเกินกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้อยู่มากโข
ร่างเล็กสารภาพว่าไม่อยากเพิ่มพูนความกระสันให้เจ้าของความเป็นชายใหญ่โต
ด้วยเกรงว่าตนจะแสดงกิริยาน่าอายออกไปในที่สุด
แต่มีหรือจะห้ามจงอินได้
ยิ่งน้องไม่ยอมมันยิ่งท้าทายสำหรับเขา มาลองพนันกันเล่นๆ
ดูไหมว่าน้องจะทนทานต่อความเสียวซ่านได้นานกี่นาที หากมีตัวแปรเป็นเขาขึ้นมา
จากหนึ่งเป็นสอง
จากสองเป็นสี่ กามารมณ์ทบเท่าทวีเมื่อคนสองคนมีจุดหมายที่ไม่ต่างกัน
พวกเขาทั้งทรมาน ทั้งกระสัน จนอยากจะปลดปล่อยออกมาเสียให้รู้แล้วรู้รอด คยองซูโอบกอดช่วงบ่ากว้างของอีกฝ่ายไว้เพื่อไม่ให้ตนเองหล่นลงไปกองกับแผ่นอกพี่เขาเสียก่อน
ดวงตาสีนิลถือวิสาสะจ้องมององค์ประกอบเครื่องหน้าน่ารัก
ซึ่งสมัยก่อนเขาออกตัวหนักว่าตกหลุมรักมันอย่างโงหัวไม่ขึ้น , แพขนตายาวกับเปลือกตาสีงาช้างชุ่มโชกไปด้วยหยาดน้ำตา
ผิวแก้มเนียนซึ่งอยู่ถัดลงมาเคลือบสีชาดอ่อนๆ ปลายจมูกเล็กได้รูปนั้นก็ไม่ต่าง
ส่วนกลีบปากชิ้นล่างนั้นถูกฟันคมขบกัดจนได้เลือด
ปลอบประโลมร่างเล็กด้วยรสจูบอันหอมหวาน
สอดมือหนาประสานมือบางแทนถ้อยคำให้กำลังใจ
ปล่อยให้อารมณ์กลัดมันทำหน้าที่ของมันโดยกีดกันไม่ให้สติมาขัดขวาง กระทั่งคยองซูเริ่มปล่อยใจตัวเองคล้อยตาม
ผ้าม่านหน้าฉากของละครเวทีแห่งกามาจึงเพิ่งจะถูกรูดเปิดเท่านั้น
และในที่สุดคยองซูก็สามารถตอบสนองความต้องการของจงอินได้
สะโพกกลมกลึงยกย้ายส่ายไปมาโดยไม่ต้องให้พี่เขาช่วย ร่างเล็กไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าทุกการกระทบกระทั่งกำลังล่อลวงให้เขาคลั่งตามอีกฝ่าย
ฝ่ามือน้อยปัดป่ายสอดจิกทึ้งกลุ่มผมสีดำสนิทเพื่อหาที่ระบายความซ่าน ความร้อนไล่ลามทุกอนูผิวหนัง
ยิ่งมีตัวแปรเป็นอุณหภูมิสูงถึงขั้นปรอทแตกในห้องซึ่งไร้เครื่องปรับอากาศแล้วไซร้ มันจึงกอปรให้อะไรต่อมิอะไรเกินพอดีไปเสียหมด
ขีดความอดทนของจงอินหมดลงในตอนที่น้องกดหน้าลงมามองตา
พร้อมทั้งงับริมฝีปากช้าๆ ราวกับเป็นการสาดน้ำมันลงบนกองฟืนอย่างจงใจ...
จงอินโทษว่าเป็นความผิดของคยองซู...
ของคยองซูเพียงคนเดียว
เขายกเรือนกายท่อนบนของน้องพาดบนโซฟา
ตอนนี้ร่างเล็กจึงอยู่ในท่าคลานเข่า ชายหนุ่มกระทั้นสะโพกเข้า - ออก ช้าๆ อยู่เพียงสองถึงสามครั้ง
ก่อนจะกลับปรับจังหวะเป็นรวดเร็วจนน่าใจหาย คยองซูเหมือนจะขาดใจตายเพราะควบคุมลมหายใจไม่ทันความต้องการของพี่เขา
ปลายเล็บทั้งสิบกดจิกกับผ้ากำมะหยี่ในตอนที่ตัวตนของจงอินกระทบกระทั่งจุดกระสันซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ทุกสัมผัสกำลังตอกย้ำว่าพวกเขาตกเป็นของกันและกันอีกครั้ง
คำว่าผิดบาปไม่มีหลงเหลืออีกแล้วในความทรงจำ
พวกเขามีความสุขเพราะร่างกายต่างเติมเต็มกันและกันราวกับเป็นชิ้นส่วนของจิ๊กซอว์ที่ขาดหาย...
รัก
คือนิยามเดียวที่พวกเขามอบให้กันและกัน
ทุกการกระทบกระทั่งรุนแรงจนคยองซูไม่อาจอดรนทนแบกรับได้
เขาเปิดปากร้องบอกพี่เขาว่ามันใกล้จะมาถึง แรงส่งมหาศาลทำให้ร่างเล็กเสียวจนต้องจิกต้องทึ้งเบาะโซฟา
น้ำหูน้ำตาก็ไหล รู้สึกเหมือนราวกับตนเองถูกพรากลมหายใจออกไปทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่
เร่งความเร็วเมื่อรู้สึกตรงกันว่าร่างกายกำลังจะทนไม่ไหว
ชายหนุ่มซ้ำที่จุดเดิมจนในตอนสุดท้ายคยองซูก็ชิงตัดใจยอมแพ้ไปก่อน
ร่างเล็กชาวาบเมื่อสมองถูกสาดด้วยสีขาว ธารน้ำถูกพี่เขาช่วยรีดเค้นออกมาจนเต็มมือใหญ่
และหลังจากนั้นไม่นาน ความรักของพี่เขาก็อัดแน่นเต็มช่องทางพร้อมกับเสียงกระซิบเบาๆ
ที่ข้างใบหู
“ ...พี่รักเรานะ คยองซู ”
.
มีต่อเด็กดีจ้า